ออกตัวก่อนเลย เพราะผมอยากได้ IT’S OK TOO แต่ก็หาซื้อสีที่ชอบไม่ได้ และก็ไปเจอน้อง Supreme IT’S OK TOO เข้าในราคาที่น่าสนใจ และนั่นก็เป็นที่มาของบล็อกนี้ หลังจากได้ลองฟังแล้ว อยากได้สีอื่นเพิ่มชะมัด ชอบแฮะ
Supreme IT’S OK TOO เป็นเครื่องเล่นเทปคาสเซ็ตต์รุ่นพิเศษที่ Supreme (แบรนด์สตรีทแวร์ชื่อดังจากนิวยอร์ก) ร่วมมือกับ NINM Lab (แบรนด์จากฮ่องกงผู้ผลิตเครื่องเล่นคาสเซ็ตต์บลูทูธ) ออกแบบมาในรูปแบบโปร่งใสสีแดง พร้อมโลโก้ Supreme ขนาดใหญ่ ปล่อยในคอลเลกชัน Spring/Summer 2022 (SS22) เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2022 เป็นไอเท็มเอ็กซ์คลูซีฟที่ผลิตเฉพาะสำหรับ Supreme
หลายคนอาจจะส่งสัยว่าแล้ว IT’S OK กับ IT’S OK TOO แตกต่างกันตรงไหนบ้าง ถ้าจำไม่ผิดผมเคยเขียนถึงในบล็อกก่อนหน้านะ ใครยังไม่ได้อ่านหรือลืมไปแล้ว ตามไปอ่านย้อนหลังได้ IT’S OK : เครื่องเล่นเทปคาสเซ็ตที่ผสานความย้อนยุคเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่
รุ่นนี้จะมาในแพ็คเกจกล่องสีขาว มีภาพตัวเครื่องสีแดงวางโชว์อยู่หน้ากล่องพร้อมโลโก้ที่เราคุ้นเคย ในกล่องนอกจากเครื่องเล่นแล้ว ก็มีคู่มือเล็กๆและสายชาร์จแบตแบบ usb สำหรับราคาเมื่อวันจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 4,300-4,500 บาท ส่วนราคารีเซลตอนนี้ก็อยู่ที่ ประมาณ 9,000 – 13,500 บาท
Supreme เองไม่เคยเปิดเผยตัวเลขผลิตที่แน่นอนของไอเท็มแต่ละชิ้น เพื่อรักษาความ exclusive แต่เป็น limited edition ที่ผลิตจำนวนจำกัดสำหรับดรอป SS22 Week 1 (ประมาณ 1,000-5,000 ชิ้น โดยประมาณจากแพทเทิร์นของ Supreme ในอดีต แต่ไม่มีข้อมูลยืนยัน) สินค้าหมดสต็อกทันทีหลังวางขายบนเว็บ Supreme และตอนนี้หาซื้อได้เฉพาะตลาดมือสอง
ถึงแม้ IT’S OK จะออกมาแล้วสองรุ่นแต่ก็ไม่ได้มีสีแดงแบบโปรงใสทั้งสองรุ่น ดังนั้นสีแดงนี้จึงถือว่าพิเศษเฉพาะสำหรับรุ่นนี้เท่านั้น ในส่วนของการออกแบบจะคล้ายกับรุ่นปกติทุกอย่าง แตกต่างกันหลักๆก็คือตรงโลโก้ Supreme ที่ฝาหน้าเท่านั้น
ด้วยความที่สีแดงใสและสวย ครั้งแรกที่ผมเห็นก็ชอบทันที แต่เดี่ยวก่อนเครื่องเล่นเทปเพลงมันไม่จำเป็นต้องแพงหรือสวย รุ่นที่ราคาไม่แพงหรือรุ่นเก่าๆที่วางจำหน่ายนานแล้วก็สวยและดีกว่าก็มีให้เห็นเยอะแยะ ดังนั้นเราต้องแยกออกจากกันก่อน
สำหรับรุ่นนี้มีขนาด 4.65″ x 3.31″ x 1.32″ (118 x 84 x 33.5 มม.) หนักประมาณ 152 กรัม (ไม่รวมถ่าน) สามารถใช้งานได้ 6-8 ชั่วโมงเมื่อเปิด Bluetooth วัสดุเป็นพลาสติกโปร่งใสคุณภาพสูง ผลิตเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับ Supreme และจุดขายหลักๆก็คือ Bluetooth 5.0 (รองรับการเชื่อมต่อกับหูฟังไร้สายหรือลำโพงบลูทูธ) หรือถ้าเราชอบฟังผ่านช่องหูฟัง 3.5mm ก็ยังมีอยู่
ผมชอบโทนเสียงที่ได้จากรุ่นนี้นะ ไม่ว่าจะเป็นการฟังผ่านหูฟังไร้สายหรือลำโพงบลูทูธ หรือแม้กระทั่งฟังผ่านช่องหูฟัง 3.5mm ด้านข้างของเครื่องจะมีปุ่มเปิดปิดบลูทูธ และเปิดปิดการใช้งานแบตเตอรี่ในเครื่อง ส่วนด้านบนก็จะเป็นปุ่มหลักๆทั่วไปในการเล่นเทปเพลงโดยทั้งหมดยังคงใช้สีแดงแต่อาจจะเข้มกว่าและไม่โปร่งใส
ถ้าเน้นฟังเพลง Supreme IT’S OK TOO ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะคุณภาพเสียงและกลไกไม่ได้สอดคล้องกับราคา แต่ถ้าชอบเครื่องเล่นแบบนี้และชอบสะสมหรือใช้เป็น gadget สไตล์ retro ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจ
