Deja vu : The Last Chapter (Part 2) ผลงานภาคจบของนที อุตฤทธิ์
“Déjà vu: The Last Chapter” ผลงานภาคจบชุดนี้แสดงให้เห็นถึงการนำเสนอโดยใช้ความรู้ และทักษะที่หลากหลายของนที อุตฤทธิ์ ครอบคลุมถึงงานกระจกสี งานปัก ประติมากรรม และงานจิตรกรรม
สื่องานผสมแต่ละประเภทจะพาท่านร่วมทบทวนถึงช่วงเวลาสำคัญที่มีอิทธิพลต่อรูปแบบศิลปะตะวันตกอีกครั้ง โดยเชิญชวนให้ผู้ชมครุ่นคิดทบทวนเรื่องราวที่เป็นที่ยอมรับของการพัฒนาทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ซีรีส์นี้ถูกแบ่งออกเป็น สามตอนตามลำดับ โดยเริ่มจัดแสดงตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา จนถึงภาคจบที่กำลังจัดแสดงวันนี้ถึงวันที่ 8 มิถุนายนที่ RKFA เพื่อให้ผู้ชมมีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งกับการพิจารณาถึงเรื่องราววัฒนธรรมที่มีมา และการตีความหมายใหม่ทางประวัติศาสตร์ของศิลปิน
นิทรรศการปิดจบในภาคที่สองจะเป็นผลงานในกลุ่มประติมากรรม และผลงานสื่อผสมที่สร้างสรรค์ขึ้นจากศิลปะวัตถุโบราณหลายชนิด ผลงานถูกทำขึ้นในช่วงปี 2563 ในระหว่างที่ศิลปินกำลังสนใจกับการนำเสนอความคิดด้วยวิธีการต่างๆที่หลากหลายภายใต้กุญแจสำคัญที่ว่า “จะเกิดอะไรขึ้นหากพระพุทธเจ้าเสด็จไปยังทวีปยุโรป ก่อนที่อารยธรรมตะวันตกจะเกิดมีขึ้น” ซึ่งประเด็นจากคำถามนี้นำไปสู่การทดลองอันหลากหลายที่ก่อให้เกิดการเล่าเรื่องและสร้างสิ่งอันเปรียบเสมือนวัตถุพยานที่สนับสนุนจินตนาการนั้น
ผลงานประติมากรรมสื่อผสมทุกชิ้นในนิทรรศการนี้เป็นผลงานสำคัญที่ศิลปินถือเป็นงานในกลุ่มต้นแบบ หรือเป็นงานภาพร่างความคิดจากชุด Deja Vu ที่มีเชื่อมโยงถึงพระพุทธเจ้าโดยตรง ทั้งในแง่ความเป็นบุคคลในพระคัมภีร์ ในแง่ของรูปเคารพ จนถึงความเป็นไปได้ในทางนัยยะอื่นๆเมื่อผ่านการตีความจากมุมมองของวัตถุทางโบราณคดี ซึ่งใจความสำคัญในงานกลุ่มนี้อยู่ที่วัตถุของสะสมต่างๆที่ถูกนำประกอบ หรือประยุกต์เข้าด้วยกัน ผ่านกระบวนการหลอมละลายทั้งทางความหมาย และทางวัตถุ เพื่อให้เกิดความหมายใหม่อันนำมาซึ่งการเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ของพระพุทธเจ้า และความสัมพันธ์ระหว่างตะวันออกและตะวันตกด้วยวิธีทับซ้อนที่ศิลปินมักจะนำใช้ในผลงานชุด Deja Vu เสมอนับตั้งแต่ปี 2651 เป็นต้นมา
สัมภาษณ์และฟังศิลปินผู้รังสรรค์ผลงานชุดนี้เล่าเรื่องและอธิบายชิ้นงานของเขากันค่ะ เพลินและได้ความรู้มากๆ ด้วยค่ะ
โดยเพื่อนๆ สามารถเข้าชมงานได้ที่ ริชาร์ด โคห์ ไฟน์ อาร์ต กรุงเทพฯ อาคารปีเตอร์ซัน ชั้น 9 ถนนสุขุมวิท ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 8 มิถุนายน ค่ะ โดยทางแกลลอรี่จะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 11.00 – 19.00 โดยหากเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็จะลงที่สถานีพร้อมพงษ์ และ จอดรถได้ที่ 22 Volts ติดกับร้านหนังสือ Dasa ชั่วโมงละ 50 บาท