
ถ้าพูดถึงมือถือ เราก็จะมองที่ หน้าจอ ซีพียู แรม หน่วยความจำ กล้อง ชิพเซ็ท อะไรแบบนี้ใช่มั้ย แต่ถ้ามองในมุมของเครื่องเล่นเทปพกพา เรามองจุดเมนหลักตรงไหนได้บ้าง ที่จะช่วยเป็นข้อมูลตัดสินใจเวลาจะเลือกซื้อเครื่องมาใช้งาน
สำหรับเครื่องเล่นเทปพกพา (Portable Cassette Player) เราควรโฟกัสที่สเป็คที่ส่งผลต่อคุณภาพเสียง ความสะดวกในการใช้งาน และความทนทาน โดยเครื่องเล่นเทปเป็นเทคโนโลยีอะนาล็อกที่จำกัดโดยตัวเทปคาสเซ็ตต์ ดังนั้นสเป็คจะเน้นเรื่องความเสถียรและลักษณะเสียงมากกว่า “พลังประมวลผล” ว่าแต่รู้แล้วดียังไง ดีสิเวลาจะซื้อเครื่องเล่นออกใหม่รุ่นราคาถูกมากๆๆแต่สวย หรือราคาสูงมาก เราจะได้เข้าใจได้ว่าเออมันน่าสนใจมั้ยนะ
1. คุณภาพเสียง (Audio Quality) เป็นหัวใจหลักของเครื่องเล่นเทป เพราะกำหนดว่าคุณจะได้ยินเสียงที่ชัดเจน สมดุล หรือมี “เสน่ห์วินเทจ” แค่ไหน ถ้าสเป็คต่ำ เสียงอาจทึบ อู้อี้ หรือมี noise เยอะ ส่งผลต่อประสบการณ์ฟังเพลงหรือบันทึกเสียง เรามาดูว่ามักจะมีค่าอะไรบ้าง
- Frequency Response (ช่วงความถี่ตอบสนอง) ค่ามาตฐานอยู่ที่ 30Hz – 12,500Hz (สำหรับเทป Type I) ทำให้ครอบคลุมย่านเบส (ต่ำ) ถึงแหลม (สูง) พอให้เสียงเต็ม ไม่ขาด detail ในเพลงทั่วไป
- Signal-to-Noise Ratio (S/N Ratio) ค่ามาตฐานอยู่ที่ 50dB+ลดเสียงรบกวนจากเทป (hiss) ให้เสียงสะอาดขึ้น โดยเฉพาะตอนฟังเบา ๆ
- Distortion (ค่าความเพี้ยน) ค่ามาตฐาน <0.3% ป้องกันเสียงบิดเบี้ยวตอน volume สูง ช่วยให้ฟังนาน ๆ ไม่เมื่อยหู
- Wow & Flutter (ความเสถียรความเร็วเทป) ค่ามาตฐาน <0.3% WRMS ลดการสั่นหรือเพี้ยนของเสียง ทำให้ฟังเพลงช้า ๆ หรือคลาสสิกได้สบาย
2. กลไกและหัวอ่าน (Playback Mechanism & Tape Head) ควบคุมการเคลื่อนไหวของเทปและการอ่านสัญญาณ ถ้าสเป็คไม่ดี เทปอาจติดค้าง หัวอ่านสึกเร็ว หรือเสียงไม่สมดุล (เช่น ช่องซ้าย-ขวาไม่เท่ากัน) ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในเครื่องเก่า
- ประเภทหัวอ่าน (Head Type) Stereo 2-track (Permalloy หรือ Amorphous) รองรับการเล่นสเตอรีโอชัดเจน ดึง detail จากเทปได้ดี ไม่ต้อง calibrate บ่อย
- ฟังก์ชันการเล่น Play, Fast-Forward, Rewind, Auto-Reverse ช่วยให้เล่นเทปทั้งด้านโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องพลิกเทปเอง สะดวกสำหรับการฟังนาน ๆ
- ความเข้ากันได้กับเทป Type I-IV (Normal, CrO2, Metal) รองรับเทปทุกแบบ ไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ ช่วยให้ใช้เทปสะสมได้เต็มที่
- มอเตอร์ High-voltage (3V-4.2V) ทำให้เทปเคลื่อนไหวเสถียร ลด wow & flutter โดยไม่ร้อนเครื่อง
3. พลังงานและแบตเตอรี่ (Power & Battery Life) เครื่องเล่นเทปพกพาต้องพึ่งพลังงานจากแบตหรืออะแดปเตอร์ ถ้าสเป็คต่ำ แบตหมดเร็วหรือชาร์จช้า จะทำให้ใช้งานกลางแจ้งหรือเดินทางลำบาก
- แบบแบตเตอรี่ Rechargeable Lithium-ion (USB-C) ชาร์จง่าย รองรับ power bank ไม่ต้องหาถ่าน AA
- บ่อยระยะเวลาการใช้งาน 10-13 ชั่วโมงต่อการชาร์จ พอสำหรับฟังเพลงทั้งวันโดยไม่ต้องชาร์จซ้ำ สะดวกสำหรับเดินทาง
- การเชื่อมต่อพลังงาน USB-C หรือ AC/DC Adaptor รองรับชาร์จจากมือถือหรือปลั๊กไฟ ทำให้พกพาได้ทุกที่
ข้อนี้ก็แล้วแต่ความชอบนะครับ ใจผมก็ยังหลงรักเครื่องเล่นที่ใช้งานจากถ่าน AA อยู่ ไม่ได้อคติว่าเปลือง แต่รุ่นใหม่ๆก็จะสะดวกและประหยัดขึ้นหน่อย แต่ถ้าแบตเสื่อมนี่สิ หวังว่ายังพอหาอะไหล่มาทดแทนได้นะ
4. ฟีเจอร์เพิ่มเติม (Additional Features);
- ช่องเชื่อมต่อ 3.5mm Headphone Jack, Mic Input ต่อหูฟังหรือไมค์ได้ง่าย รองรับหูฟัง impedance 16-32 ohms
- ฟังก์ชันบันทึก Built-in Mic + Record Button บันทึกเสียงจากไมค์หรือไลน์อินได้ สะดวกสำหรับพอดแคสต์หรือบันทึกเพลงเทคโนโลยีสมัยใหม่
- Bluetooth 5.0+ (optional) ส่งเสียงไร้สายไปลำโพงหรือมือถือ ผสมผสานวินเทจกับดิจิทัล
- Noise ReductionDolby B (optional ในรุ่นกลาง-สูง) ลดเสียง hiss จากเทป ทำให้เสียงสะอาดขึ้น โดยเฉพาะเทปเก่า
เอาจริงๆพวกช่อง 3.5 กับลูกเล่น Bluetooth 5.0+ ทำให้เราสามารถเลือกใช้งานหูฟังที่ชอบได้หลากหลายมากขึ้น ใครว่าไม่จำเป็นตรงนี้จำเป็นเลย เมื่อก่อนตอนผมชอบฟังผ่าน 3.5mm Headphone Jack ก็คิดว่าแหมมี Bluetooth คงไม่ได้ใช้หรอก แต่พอมี เออมันสะดวกขึ้น
5. การออกแบบและความพกพา (Design & Portability);
- ขนาดและน้ำหนัก <150 x 100 x 40 mm, <400g พกใส่กระเป๋ากางเกงได้สบาย ไม่ลำบากตอนเดินทาง
- วัสดุตัวเครื่อง Aluminum หรือ ABS Plastic (กันกระแทก) ทนทานต่อการตกหรือใช้งานกลางแจ้ง ยืดอายุเครื่อง
- ลำโพงในตัว Built-in Speaker (optional, 1-2W) ฟังโดยไม่ต้องหูฟัง สะดวกสำหรับฟังเพลงเบา ๆ ในบ้าน
คร่าวๆก็จะประมาณนี้ เป็นข้อมูลเบื้องต้นง่ายๆที่ทำให้เราเข้าใจสเป็คของเครื่องเล่นเทปพกพาได้มากขึ้น เข้าใจเยอะเวลาหามาใช้งานหรือสะสมก็สนุกเพิ่มขึ้น